วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประวัติส่วนตัว

 
     ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อ นางสาว กาญจนา  ไชยชนะ

       วัน / เดือน / ปี เกิด  6  .ค.   2523   อายุ  32  ปี     สถานภาพ    สมรส     ศาสนา  พุทธ
 
ที่อยู่ปัจจุบัน
      เลขที่   303     ตำบล    สันมหาพน   อำเภอ    แม่แตง    จังหวัด   เชียงใหม่   
      รหัสไปรษณีย์    50150     โทรศัพท์มือถือ    081-5313872
 
     สถานที่ทำงานปัจจุบัน
สถาบัน/หน่วยงาน    ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการหยาดฝน  จังหวัดเชียงใหม่
      เลขที่   303     ตำบล    สันมหาพน   อำเภอ    แม่แตง    จังหวัด   เชียงใหม่  
      รหัสไปรษณีย์    50150     โทรศัพท์มือถือ    081-5313872
      E-mail :.   Kan.jj@hotmail.com
 
ประสบการณ์การทำงาน
ปี พ.ศ.2543 ถึง/2546 ชื่อหน่วยงานโรงเรียนอนุบาลพรรณี
ปี พ.ศ.2547 ถึง/2550 ชื่อหน่วยงานโรงเรียนอนุบาลดรุณนิมิตรวิทยา

กินไป เที่ยวไป ณ ไร่สตรอเบอร์รี เชียงใหม่

 
 เค้าว่ากันว่า "สตรอว์เบอร์รี" (Strawberry) ผลไม้สีแดงสด รูปร่างหน้าตาน่ารัก มีรสชาติหวาน ๆ เปรี้ยว ๆ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี กรดโฟลิก และเส้นใยอาหาร อีกทั้งยังสามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย ทั้งไวน์ แยม และน้ำผลไม้นั้น ยังเป็นผลไม้ "ขี้อาย" เพราะมันชอบหลบใต้ใบสีเขียว ๆ อีกด้วย ^0^

โดยที่อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ถือว่าเป็นแหล่งปลูกสตรอว์เบอร์รีที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย แถมยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้แวะเข้าไปท่องเที่ยวเชิงเกษตร และเจ้าของไร่ยังใจดีเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปเก็บลูกสตรอว์เบอร์รีจากต้นได้เองอีกด้วย งานนี้โดนใจนักท่องเที่ยวสุด ๆ ไปเลยล่ะค่ะ

เอาเป็นว่าหากใครมีโอกาสได้ไปแอ่วเมืองเหนืออย่าง "เชียงใหม่" ก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวชม "ไร่สตรอว์เบอร์รี เชียงใหม่" กันดูนะจ๊ะ อะ ๆ ถ้าใครไม่รู้จะไปไร่สตรอว์เบอร์รีที่ไหนดี
 
 
ไร่สตรอว์เบอร์รีวงศ์วาน

ไร่สตรอว์เบอร์รีวงศ์วาน ตั้งอยู่กลางหุบเขาอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ โดยที่นี่จะปลูกสตรอว์เบอร์รีแบบชีวภาพปลอดสาร จึงทำให้ทางไร่สตรอว์เบอร์รีวงศ์วานได้ผลสตรอว์เบอร์รีผลใหญ่ สวย สด และปลอดภัยจากสารพิษ และที่นี่คุณสามารถลงมือเก็บผลสตรอว์เบอร์รีรับประทานกันแบบสด ๆ ได้เลย อีกทั้งภายในไร่สตรอว์เบอร์รียังมีร้านอาหารมุมสบาย ๆ สไตล์ธรรมชาติ ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินไปกับการชิมไวน์ รวมถึงการได้รับความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการปลูกสตรอว์เบอร์รีและการผลิตไวน์

ทั้งนี้ นอกจากผลสตรอว์เบอร์รีสดแล้ว ยังมีการผลิตสินค้าแปรรูปจากผลสตรอว์เบอร์รีเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สตรอว์เบอร์รีอบแห้ง, น้ำสตรอว์เบอร์รี, แยมสตรอว์เบอร์รี และไวท์สตรอว์เบอร์รี ฯลฯ รวมถึงเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศไร่สตรอว์เบอร์รีท่ามกลางทะเลหมอก พร้อมกับสูดโอโซนบริสุทธิ์ ทางไร่สตรอว์เบอร์รีวงศ์วานก็มีที่พักแบบโฮมสเตย์ไว้บริการ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน (ราคาบ้านพัก เริ่มต้นที่ 500 บาท/คืน)

ที่ตั้ง : 269 หมู่ที่ 1 ตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ : 08 5712 0901 และ 08 1796 3576
เว็บไซต์ : www.strawberrywongwan.com
 
 
 ไร่นภ-ภูผา

นับว่าเป็นอีกหนึ่งไร่สตรอว์เบอร์รีสุดฮอตอันโด่งดังของเชียงใหม่ เพราะที่ ไร่นภ-ภูผา นอกจากจะได้ชื่นชมกับไร่สตรอว์เบอร์รีกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา โดยซิกเนเจอร์อันโดดเด่นก็คือ บ้านไม้เก๋ ๆ ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางไร่สตรอว์เบอร์รี โดยด้านบนจะเป็นร้านกาแฟ ให้คุณได้ดื่มกาแฟหอม ๆ พร้อมเสพวิวธรรมชาติในบรรยากาศแสนสบายแล้ว ที่นี่ยังมี "ไร่ส้ม" ให้ชมกันเพลิน ๆ หรือใครไม่อยากเดินเมื่อยก็สามารถเช่ารถ ATV และรถ Buggy ขับเที่ยวชมไร่ด้วยเหมือนกันจ้า

ส่วนใครจะลงไปเก็บสตรอว์เบอร์รีกันสด ๆ ก็ต้องซื้อคูปองในราคา 20 บาท กันซะก่อน สำหรับราคาของสตรอว์เบอร์รีขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ด้านห้องพักที่ไร่นภ-ภูผา ก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบกระต๊อบ (ห้องน้ำรวม 400 บาท), บังกะโลไม้ (เครื่องทำน้ำอุ่น ทีวี พัดลม เตียงคู่ 1,000 บาท) และเต็นท์ (เต็นท์ของทางไร่+เครื่องนอน 250 บาท หากนำเต็นท์มาเอง 60 บาท )

ที่ตั้ง : 203 หมู่ 10 ตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง เชียงใหม่
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 20.00 น.
โทรศัพท์ : 08 1603 9800
เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก ไร่นภ-ภูผา
 

 

 
 
 
 

สวนดอยแก้ว

สวนสตรอว์เบอร์รีอินทรีย์ 100% โดยเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตรโดยปราชญ์ชาวบ้าน นายวิทยา นาระต๊ะ เกษตรกรผู้ปลูกสวนสตรอว์เบอร์รีบนเนื้อที่ 20 กว่าไร่ เป็นสวนที่ปลูกสตรอว์เบอร์รีปลอดสารพิษ จนประสบความสำเร็จแล้วนำไปเผยแพร่และถ่ายทอดแนวคิดการทำเกษตรให้แก่ผู้อื่น จนเป็นที่ศึกษาดูงานของเกษตรและประชาชนทั่วไป ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด

สำหรับ สวนดอยแก้ว เป็นสวนสตรอว์เบอร์รีที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเก็บเองได้ โดยสตรอว์เบอร์รีของสวนดอยแก้วมีหลากหลายสายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์พระราชทาน 60, 72 และ 80 ที่มีรสชาติหอมหวานกว่าพันธุ์ 329 ที่ขายในท่องตลาดทั่วไป ให้เลือกเก็บได้ตามความชอบ และนอกจากสตรอว์เบอร์รีแล้วที่นี่ยังมีองุ่นไร้เมล็ดด้วย ส่วนผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสตรอว์เบอร์รีก็มีให้เลือกมากมายตามใจชอบ เช่น ไวน์สตรอว์เบอร์รี, แยมเนื้อสตรอว์เบอร์รี, สตรอว์เบอร์รีอบแห้ง ฯลฯ ทั้งนี้ มาเที่ยวสวนดอยแก้วนอกจากจะได้เพลิดเพลินกับสตรอว์เบอร์รีแล้ว คุณยังสามารถขึ้นไปสักการะ "พระธาตุดอยนก" เพื่อความเป็นสิริมงคล หรือร่วมทำบุญสร้างบันไดขึ้นพระธาตุร่วมกับชาวบ้านได้ด้วยนะคะ

ที่ตั้ง : 103/5 หมู่ 5 ตำบลบ่อแก้ว อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์ : 08 4803 9905 และ 08 0130 3628
เว็บไซต์ : www.m-culture.in.th และ เฟซบุ๊ก สวนดอยแก้ว-suandoikaew

น้ำตกตราดหมอก

 
 
 
 
 
"น้ำตกตาดหมอก" มีต้นน้ำจากแม่แรม อำเภอสะเิมิง ซึ่งน้ำตกตาดหมอกหรือ TAD MORK FALL ยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่สูง สามารถสัมพัสความชุมชื่นจากพืชพันธ์นานาชนิดที่แทรกตัวอยู่กลางป่าเบญจพรรณอันร่มรื่น อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ดอยสุเทพ-ปุย เป็นต้นลำน้ำแม่แรม น้ำตกจาก หน้าผาสูง 20 เมตร เป็นฟุ้งละอองสีขาว ราวกับสายหมอกสีขาวที่ทอดกายอยู่กลางหุบเขา จึงได้เรียกขานน้ำตกแห่งนี้ว่า น้ำตกตาดหมอก ส่วนในฤดูแล้งจะมีน้ำน้อย หากจะเดินทางมาเที่ยวแนะนำใ้ห้ติดต่อสอบถามจาก เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกตาดหมอกก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมรับกับบรรยากาศแบบเต็มรสชาติ
น้ำตกตาดหมอกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่มีร้านค้า ไม่มีร้านอาหาร ไม่มีที่พัก ที่นี่ยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติ เอาไว้มาก ใครคิดที่จะไปเที่ยวที่นี่ต้องเตรียมพร้อมสิ่งต่างๆ เอาไว้ด้วย จะไปค้างคืนต้องมีเต้นท์ไปด้วย
 
 
 

พักกายพักใจที่ "ม่อนแจ่ม"

 
 
หนาวนี้ใครยังคิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหน วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ ม่อนแจ่ม หรือ ดอยม่อนแจ่ม ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ อำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย เพราะตอนนี้ ม่อนแจ่ม เชียงใหม่ กำลังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของอำเภอแม่ริมไปซะแล้ว ด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม มองเห็นวิวทิวเขาซับซับซ้อน แถมยามค่ำคืนฟากฟ้าแวดล้อมไปด้วยดวงดารา ส่องแสงประกายระยิบระยับ

แหม...เกริ่นความงดงามมาซะขนาดนี้ คงไม่มีใครไม่อยากลองไปสัมผัส ม่อนแจ่ม หรือ ดอยม่อนแจ่ม อะ ๆ แต่ก่อนทะยานขึ้นเขา เราต้องไปทำความรู้จักกับ ม่อนแจ่ม และ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ดินแดนแห่งขุนเขากันซะก่อน
 
 
 
  ม่อนแจ่ม คือสถานที่พักแห่งใหม่ของโครงการหลวง เพิ่งเปิดตัวไม่เมื่อปลายปี 2552 เป็นพื้นที่บนสันเขาในระดับความสูงประมาณ1,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล บริเวณหมู่บ้านม้งหนองหอย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

ม่อนแจ่ม ปรากฎโฉมในรูปแบบ "แคมปิ้ง รีสอร์ท" ที่กลมกลืนกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว พร้อมชูความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบาย เช่น ในเต้นท์มีบริเวณส่วนตัว มีห้องน้ำส่วนตัว น้ำร้อน ไฟฟ้า และเครื่องใช้ครบครัน ประหนึ่งอยู่ในห้องพักโรงแรม แต่พิเศษกว่าตรงที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เพราะเพียงแค่คุณเปิดหน้าต่าง สายลมเย็น ๆ วิวขุนเขา สายหมอก ก็โผล่รอต้อนรับ แถมยามค่ำคืนดาวน้อยใหญ่จะค่อย ๆ ส่องประกายแวววับให้มองเพลิน ๆ
 
 
 
ดื่มด่ำกับความงดงามของทัศนียภาพกันพักใหญ่ ท้องไส้ก็เริ่มร้องหาอาหารอร่อย ๆ อะ ๆ ไม่ต้องมองไปไหนไกล ที่ ม่อนแจ่ม มีร้านอาหารที่นำผลิตผลท้องถิ่นที่ปลูกเอง มาปรุงให้รับประทานกันด้วย ผัก ๆ สด ๆ หวานกรอบ หาชิมยากในเมืองกรุง และถ้ากินอิ่มแล้วอยากยืดแข้งขืดขา ก็สามารถไปเดินชมแปลงสตรอเบอร์รีผลสีแดงสด
และนี่คือ ม่อนแจ่ม สถานที่ท่องเที่ยวอกีแห่งหนึ่งที่เราหยิบมาแนะนำกัน ... อย่าลืมออกไปกอดเมืองไทยให้หายเหงา หายเหนื่อย และหายเบื่อกันนะคะ

 
วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1929 ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรล้านนา ราชวงศ์เม็งราย พระองค์ทรงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ ที่ได้ทรงเก็บไว้สักการบูชาส่วนพระองค์ถึง 13 ปี มาบรรจุไว้ที่นี่ ด้วยการทรงอธิษฐานเสี่ยงช้างมงคลเพื่อเสี่ยงทายสถานที่ประดิษฐาน พอช้างมงคลเดินมาถึงยอดดอยสุเทพ มันก็ร้องสามครั้ง พร้อมกับทำทักษิณาวัตรสามรอบ แล้วล้มลง พระองค์จึงโปรดเกล้าฯให้ขุดดินลึก 8 ศอก กว้าง 6 วา 3 ศอก หาแท่นหินใหญ่ 6 แท่น มาวางเป็นรูปหีบใหญ่ในหลุม แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงประดิษฐานไว้ จากนั้นถมด้วยหิน แล้วก่อพระเจดีย์สูง 5 วา ครอบบนนั้น ด้วยเหตุนี้จึงห้ามพุทธศาสนิกชนที่ไปนมัสการสวมรองเท้าใน บริเวณพระธาตุ และมิให้สตรีเข้าไปบริเวณนั้น ในปี พ.ศ. 2081 สมัยพระเมืองเกษเกล้า กษัตริย์องค์ที่ 12 ได้ทรงโปรดฯให้เสริมพระเจดีย์ให้สูงกว่าเดิม เป็นกว้าง 6 วา สูง 11 ศอก พร้อมทั้งให้ช่างนำทองคำทำเป็นรูปดอกบัวทองใส่บนยอดเจดีย์ และต่อมาเจ้าท้าวทรายคำ ราชโอรสได้ทรงให้ตีทองคำเป็นแผ่นติดที่พระบรมธาตุ
ในปี พ.ศ. 2100 พระมหาญาณมงคลโพธิ์ วัดอโศการาม เมืองลำพูนได้สร้างบันไดนาคหลวงทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้ประชาชนขึ้นไปสักการะได้สะดวกขึ้น และกระทั่งถึงสมัยครูบาศรีวิชัย ท่านได้สร้างถนนขึ้นไป โดยถนนที่สร้างนี้มีความยาวถึง 11.53 กิโลเมตร เป็นวัดที่ดังมาก